![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
|
|
การทำ ฝนเทียม (artificial rain enhancement) เป็นการผสมผสานความรู้ เทคโนโลยีสาขาต่าง ๆ เช่น อุตุนิยมวิทยา อุทกวิทยา เคมี ฟิสิกส์ วิศวกรรม และอิเล็กทรอนิกส์ มาดัดแปลงสภาพอากาศเพื่อทำให้เกิดฝนตกในพื้นที่เป้าหมาย หรือไปเพิ่มปริมาณน้ำฝนให้สูงกว่าที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ
ฝนเทียมนี้เป็นหนึ่งในงาน ดัดแปรสภาพอากาศ (weather modification) ที่มีอยู่หลายอย่าง เช่น การลดความรุนแรงของพายุ การทำลายหมอก การหยุดกระบวนการเกิดลูกเห็บ การป้องกันน้ำท่วม การเพิ่มปริมาณหิมะ การหยุดฟ้าแลบ การยับยั้งการเจริญเติบโตของก้อนเมฆ เป็นต้น
จากรายงานของ WMO เมื่อปีพ.ศ.2524 แสดงให้เห็นว่า มีประเทศที่ทดลองหรือจัดกิจกรรมดัดแปรสภาพอากาศอยู่ 28 ประเทศ และกำลังดำเนินกิจกรรม 18 ประเทศ
สำหรับการทำฝนเทียมนั้น มีวิธีที่นิยมกันอยู่ 3 วิธีคือ
โดยที่การเพิ่มปริมาณน้ำฟ้า (น้ำในรูปแบบต่าง ๆ ที่อยู่ในอากาศ ไม่ว่าจะเป็น เกล็ดน้ำแข็ง น้ำที่มีน้ำแข็งล้อมรอบ หรือลูกเห็บ) ของแต่ละประเทศก็มีกลไกวิธีการแตกต่างกันในรายละเอียด แต่ก็มีอยู่สองกลุ่มหลักคือ การเพิ่มปริมาณน้ำฟ้าจากเมฆอุ่น (warm cloud modification) โดยเมฆมีอุณหภูมิสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส และ การเพิ่มปริมาณน้ำฟ้าจากเมฆเย็น (cold cloud modification) อันเป็นเมฆที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส
ประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ในเขตร้อน เมฆของเราเป็นเมฆอุ่น เราจึงปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศจากเมฆอุ่น โดยที่สภาวะที่เหมาะสมในการทำฝนที่สำคัญก็อยู่ที่ ปริมาณความชื้นในอากาศมีมาก ปริมาณและคุณสมบัติของแกนกลั่นตัว (cloud condensation nuclei) มีพอเหมาะ และ บรรยากาศไม่มีความเสถียร (unstable stability) โดยเฉพาะมีการลอยตัวขึ้นสู่บรรยากาศชั้นบน
การเกิดฝนในแต่ละวันนั้นมีปัจจัยหลายประการ เราต้องมีวิธีดำเนินการเพื่อให้ปัจจัยที่เหมาะสมต่อการเกิดฝนนั้น คงอยู่ในบริเวณเป้าหมายให้นานที่สุด เราจะทำเช่นนี้ได้ก็ต้องอาศัยข้อมูลจากการตรวจวัดสภาพอากาศในแต่ละวัน ถ้าข้อมูลแสดงให้เห็นถึงสภาวะที่เหมาะสม เราก็จะปฏิบัติการทำฝนเทียม
ไปหน้า
1 - เปิดเรื่อง
2 - ความเป็นมาของฝนหลวง
3 - การทำฝนหลวงในประเทศไทย
4 - สภาพอากาศที่เหมาะสมในการทำฝนหลวง
5 - เตรียมความพร้อมก่อน
6 - สร้างฝนกันเสียที
7 - แผนปฏิบัติการฝนหลวง
8 - ภารกิจเสริมของฝนหลวง
9 - ฝนมีค่า น้ำมีคุณ