![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() |
|
|
กรรมวิธีในการทำฝนหลวงที่ใช้กันตอนนี้ก็คือ การใช้เครื่องบินบรรทุกสารเคมีขึ้นไปโปรยยังก้อนเมฆ นอกจากนั้นก็ยังมีการวิจัยทดลองใช้วิธีอื่นด้วยคือ ยิงจรวดบรรจุสารเคมีให้ไประเบิดในกลุ่มเมฆ และพ่นสารเคมีจากยอดเขาให้ฟุ้งกระจายเข้าสู่ฐานเมฆ
สำหรับการโปรยสารเคมีด้วยเครื่องบินนั้น จะใช้สิ่งเหล่านี้ในการปฏิบัติการ
สารเคมี โดยสามารถแบ่งตามคุณสมบัติที่จะเกิดต่อบรรยากาศได้อีกสามแบบคือ
เครื่องบิน เครื่องบินที่ใช้จะต้องบินไปโปรยสารเคมีใส่ก้อนเมฆ บางทีก็ต้องบินฝ่าเข้าไปในเมฆที่มีกระแสลมแปรปรวนด้วย เครื่องบินที่เหมาะสมควรจะบรรทุกสารเคมีได้ 1,000-2,000 กิโลกรัมต่อเที่ยวบิน ความเร็วในการบินไม่สูงนักคืออยู่ในระดับ 200 นอต เพื่อให้สามารถโปรยสารเคมีได้มากต่อระยะทางการบิน ทำให้สารเคมีมีความเข้มเข้นพอเหมาะ และเครื่องบินควรเปลี่ยนทิศทางการบินได้คล่องตัว
สำหรับเครื่องบินที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็มี เครื่องบินกาซา สองเครื่องยนต์ น้ำหนักบรรทุก 1,000 กิโลกรัมต่อเที่ยวบิน เครื่องบินปอร์ตเตอร์ เครื่องยนต์เดียว น้ำหนักบรรทุก 400 กิโลกรัม และเครื่องบินนอร์แมด สองเครื่องยนต์ น้ำหนักบรรทุก 400 กิโลกรัม
เครื่องมือและอุปกรณ์ เป็นเครื่องมือสนับสนุนการปฏิบัติงาน ก็มี เครื่องมือตรวจอากาศ ได้แก่ เครื่องมือตรวจอากาศชั้นบน เรดาร์ฝนหลวง เครื่องมือเตรียมสารเคมี ได้แก่ เครื่องบดผสมสารเคมี และรถยนต์บรรทุกสารเคมี สุดท้ายก็เครื่องมือสื่อสาร
ทีนี้เครื่องไม้เครื่องมือก็พร้อมแล้วสำหรับปฏิบัติการฝนหลวง
ไปหน้า
1 - เปิดเรื่อง
2 - ความเป็นมาของฝนหลวง
3 - การทำฝนหลวงในประเทศไทย
4 - สภาพอากาศที่เหมาะสมในการทำฝนหลวง
5 - เตรียมความพร้อมก่อน
6 - สร้างฝนกันเสียที
7 - แผนปฏิบัติการฝนหลวง
8 - ภารกิจเสริมของฝนหลวง
9 - ฝนมีค่า น้ำมีคุณ